บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 14 ม.ค. 2568

ทองเจอเทขาย ออกอาการ พรุ่งนี้เงินเฟ้อชี้ชะตาทอง แนะขึ้นขายลงซื้อ ลดพอร์ต 2640-82

 

วิเคราะห์ราคาทอง 96.5% สมาคมค้าทอง

  • ราคาสมาคมค้าทองคำไทยล่าสุดเมื่อวันที่ ประจำวันที่ 13/01/2568 เวลา 17:08 น. (ครั้งที่ 7) ราคาขายออกอยู่ที่ 44,150 บาท และรับซื้อที่ 44,050 บาท ซึ่งเปลี่ยนแปลง +100 บาท ราคาทองคำไทยล่าสุดเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 43,800 บาท โดยแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการฟื้นตัวในกรอบจำกัดหลังจากมีการปรับฐานในช่วงก่อนหน้า แนวต้านสำคัญอยู่บริเวณ 44,000 บาท ซึ่งหากราคาสามารถทะลุผ่านไปได้ อาจเป็นสัญญาณบวกที่ทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นไปทดสอบระดับ 44,300 บาท อย่างไรก็ตาม หากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวรับที่ 43,600 บาท และหลุดลงมาสู่ 43,400 บาท อาจเป็นสัญญาณของแรงขายที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาปรับฐานลงอีก ปัจจัยที่สนับสนุนราคาทองคำในประเทศยังคงเป็นค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงล่าสุดอยู่ที่ 34.73 บาท/ดอลลาร์ ประกอบกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลก (XAU/USD) ที่ปรับขึ้นอย่างช้าๆ ตามการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ โดยได้รับผลกระทบจากความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) นักลงทุนควรติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดโลกอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่อาจมีผลต่อการตัดสินใจลงทุนในทองคำในระยะถัดไป

วิเคราะห์ราคาทองจาก SCT Trade Plus

  • ราคาทองจาก SCT Trade Plus วันนี้ปล่อยออกมาดีกว่าในฝั่งซื้อ ราคาทองคำ Spot ล่าสุดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 2,665.45 โดยราคากำลังฟื้นตัวจากการปรับฐานก่อนหน้า และเคลื่อนไหวเข้าใกล้แนวต้านสำคัญที่บริเวณ 2,670 หากสามารถทะลุผ่านระดับนี้ได้ อาจเปิดโอกาสให้ราคาปรับตัวขึ้นต่อไปทดสอบระดับสำคัญที่ 2,680 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่น่าจับตามองของนักลงทุน ในทางกลับกัน หากแรงซื้อไม่มากพอและราคาปรับตัวลง อาจกลับมาทดสอบแนวรับที่ 2,650 หรืออาจลึกถึง 2,640 ซึ่งจะเป็นโซนสำคัญที่กำหนดทิศทางต่อไปของตลาด ปัจจัยพื้นฐานยังคงสนับสนุนราคาทองคำ โดยดอลลาร์สหรัฐยังคงอ่อนค่าลงต่อเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการคาดการณ์ถึงการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ซึ่งช่วยหนุนความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลกยังผลักดันให้ทองคำมีเสถียรภาพในสถานการณ์เช่นนี้ นักลงทุนควรจับตาข้อมูลสำคัญที่กำลังจะมาถึง เช่น ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางราคาทองคำในระยะสั้นถึงระยะกลาง

วิเคราะห์เงินบาท (THB)

  • ค่าเงินบาทล่าสุดอ่อนค่าลงในกรอบ 34.71-34.73 บาทต่อดอลลาร์ โดยได้รับแรงกดดันจากตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งและความไม่แน่นอนของนโยบาย Fed ซึ่งสนับสนุนดอลลาร์ นอกจากนี้ การส่งออกที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่และความกังวลเศรษฐกิจโลกยังถ่วงค่าเงินบาท แนวต้านสำคัญอยู่ที่ 34.85 และหากหลุดอาจแตะ 35.00 ขณะที่แนวรับอยู่ที่ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ นักลงทุนควรจับตาดูตัวเลข CPI และ PPI สหรัฐฯ ที่อาจส่งผลต่อทิศทางค่าเงินในสัปดาห์นี้

กลยุทธ์ในการซื้อขายทองคำไทยวันนี้

  • แนะนำกรอบทำกำไร : 43,600 / 44,000
  • จุดซื้อ (แนวรับ): 43,600 / 43,400
  • จุดขาย (แนวต้าน): 44,000 / 44,300 บาท

บทวิเคราะห์ทองคำในตลาดโลก (Gold Spot)

  •  แรงขายทำกำไรหลังจากราคาทองไม่ผ่าน 2700 ทำให้ภาพรวมทองคลุมเครืออีกวาระ ทางเทคนิคทองจะเป็นขาลงถ้าราคาปิดต่ำกว่า 2650 และไม่สามารถปิดแดนบวก 2680 ได้ วันนี้ถ้าทองไม่ฟื้นแรงต้องระวัง เนื่องจากตั้งแต่คืนนี้จะมีประกาศดัชนีผู้ผลิต PPI ที่คาดว่าจะคงเดิม ส่วนพรุ่งนี้ต้องระวังดัชนีเงินเฟ้อ CPI ที่จะชี้ชะตาทอง ดังนั้นในสองวันนี้ หากราคาทองพลิกกลับปิดแดนบวกเหนือ 2680 ได้ทองจะมีลุ้นผ่าน 2700 อีกรอบ

กลยุทธ์ซื้อขายทองคำในตลาดโลก (Gold Spot)

  • ปรับพอร์ตรองรับความผันผวน แนะขายลดพอร์ต ถือเงินรอทองย่อค่อยพิจารณา ถ้าลงมาแล้วตั้งฐานได้ค่อยเข้า ในทางกลับกันถ้าราคารีบาวด์ในวันนี้อาจพิจารณาขายช่วงดีดตัวเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น คาดว่าอีกสองวันจะเห็นแนวโน้มชัดเจน แต่ยังให้น้ำหนักผันผวนโดยทองไทยและทองนอก ทองไทยเน้นขายทำกำไรเป็นหลัก

ข่าวที่ต้องติดตาม

  • การประกาศดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) สหรัฐฯ ซึ่งจะสะท้อนทิศทางเงินเฟ้อและอาจส่งผลต่อราคาทองคำ หากตัวเลขสูงกว่าคาดอาจกดดันราคาทองคำ แต่หากต่ำกว่าคาดจะช่วยหนุนการปรับตัวขึ้น

GOLD SPOT

  • แนวรับ: $2,653 / $2,635
  • แนวต้าน: $2,682 / $2,700

 

แท๊กของบทความนี้

แป่งปันบทความนี้ :

เรื่องอื่นๆ

นโยบายความเป็นส่วนตัว

ลูกค้า ไม่เป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ผู้ติดต่อสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์หรือบริการ บุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องกับลูกค้าที่เป็นนิติบุคคลที่มีการทำธุรกรรมกับบริษัท เช่น ผู้ถือหุ้น กรรมการ ผู้มีอำนาจกระทำการแทน หุ้นส่วน ตัวแทน พนักงาน เจ้าหน้าที่ และ/หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ผู้ค้ำประกัน ผู้ให้หลักประกัน ผู้รับผลประโยชน์ บุคคลที่ได้เข้าชมเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันหรือบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ของบริษัท บุคคลธรรมดาทั่วไป เช่น ติดต่อกันโดยประการอื่น หรือให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัท หรือที่บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลมาทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่ว่าผ่านช่องทางใด

บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์สำหรับใช้ในการทำธุรกรรม การให้และ/หรือการรับบริการ การติดต่อ และการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า เช่น

  1. ข้อมูลระบุตัวบุคคล ชื่อนามสกุล เพศ วัน-เดือน-ปีเกิด อายุ สถานภาพทางการสมรส สถานภาพครอบครัว สัญชาติ ประเทศที่พำนัก ลายมือชื่อ
  2. ข้อมูลบนเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการ เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาวีซ่า สำเนาใบต่างด้าว สำเนาใบอนุญาตทำงาน สำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ สำเนาทะเบียนบ้าน หรือเอกสารที่ใช้ในการระบุและยืนยันตัวตนที่มีลักษณะเดียวกัน) ข้อมูล KYC และ CDD อื่นๆ เป็นต้น
  3. ข้อมูลเพื่อการติดต่อ เช่น ที่อยู่ตามเอกสารสำคัญ ที่อยู่อาศัยปัจจุบัน และที่อยู่ในประเทศตามสัญชาติ สถานที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ หมายเลขโทรสาร อีเมล ชื่อหรือบัญชีเข้าใช้งานสำหรับการติดต่อสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เช่น LINE ID
  4. ข้อมูลความเป็นเจ้าของกิจการหรือกาประกอบอาชีพ  เช่น ประเภทธุรกิจ  ประเภทอาชีพ  ตำแหน่ง อายุงาน เอกสารอื่นใดเพื่อยืนยันการประกอบธุรกิจหรือประกอบอาชีพ
  5. ข้อมูลทางการเงินและการทำธุรกรรม   เลขที่บัญชีเงินฝาก รายการเคลื่อนไหวในบัญชีเงินฝาก เลขบัตรเครดิต/เดบิต  ข้อมูลรายได้ แหล่งที่มาของรายได้และรายจ่าย  ข้อมูลสำหรับประเมินความเสี่ยง
  6. ข้อมูลทางเทคนิค อุปกรณ์หรือเครื่องมือ ข้อมูลการใช้งานแอปพลิเคชัน  หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ รุ่นและประเภทของอุปกรณ์ เครือข่าย ข้อมูลการเชื่อมต่อ ประเภทและเวอร์ชั่นของปลั๊กอินเบราว์เซอร์ ระบบปฏิบัติการและแพลตฟอร์ม รวมถึงเทคโนโลยีอื่น ๆ บนอุปกรณ์ที่ท่านใช้ในการเข้าถึงแพลตฟอร์ม ข้อมูลทางเทคนิคอื่นๆ จากการใช้งานบนแพลตฟอร์มและระบบปฏิบัติการ และข้อมูลอื่นๆ              
  7. บันทึกการสื่อสารหรือการโต้ตอบระหว่างท่านกับบริษัทที่เกี่ยวข้องการทำธุรกรรมซื้อขาย  รายละเอียดเรื่องร้องเรียนหรือการออกความเห็น คำขอใช้สิทธิต่าง ๆ ผลประเมินการสำรวจความคิดเห็น บันทึกเสียง ภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว คลิปบันทึกเสียง บันทึกการสื่อสารผ่าน Log/Chat – Bot  ภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV)

บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นภายใต้วัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท ซึ่งรวมถึงการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อดำเนินการตามความยินยอมของท่านและ/หรือเพื่อดำเนินการภายใต้ฐานทางกฎหมายอื่น ๆ โดยวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายฉบับนี้

บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้อื่นภายใต้ความยินยอมของท่านหรือภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยได้ โดยบุคคลหรือหน่วยงานที่เป็นผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามขอบเขตที่ท่านได้ให้ความยินยอมหรือขอบเขตที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือในบางกรณี ท่านอาจอยู่ภายใต้นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเหล่านั้นอีกด้วย โดยที่ผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจอยู่ในประเทศไทยหรือต่างประเทศ โดยบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลหรือหน่วยงานต่างๆ ตามแต่ความสัมพันธ์และการทำธุรกรรมของท่าน ดังต่อไปนี้

  1. บริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจของบริษัท พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท ตัวแทนของบริษัท  ผู้รับจ้างช่วงงานต่อหรือผู้ให้บริการภายนอกเพื่อประกอบธุรกิจแทนบริษัท  ทางการตลาด ส่งเสริมการขาย  การประชาสัมพันธ์  การเสนอหรือสนับสนุนการให้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของบริษัทแก่ท่าน รวมถึงผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ผู้ให้บริการด้านการจัดเก็บ เคลื่อนย้าย และจัดส่งสินค้า ผู้จัดการด้านแคมเปญและการจัดกิจกรรม ผู้ให้บริการด้านการจัดเก็บข้อมูลและบริการจัดเก็บข้อมูลบนเซอร์เวอร์ที่เชื่อมต่อออนไลน์
  2. บริษัทได้จำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของท่านไว้เฉพาะบุคลากร หรือพนักงานของบริษัทที่มีความจำเป็นต้องรับทราบข้อมูลของท่าน เพื่อการให้บริการทางธุรกรรมหรือบริการอำนวยความสะดวกอื่นใดแก่ท่าน เพื่อให้ท่านได้รับบริการดังกล่าว อย่างเหมาะสมและดีที่สุดจากบริษัท
  3. บริษัทอาจจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานอื่นๆ ตามที่กฎหมายอนุญาต หรือกำหนดไว้ หากบริษัทเชื่อว่ามีความจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายหรือระเบียบใดๆ หรือต้องคุ้มครองสิทธิของบริษัท สิทธิของบุคคลที่สาม หรือความปลอดภัยส่วนบุคคลของบุคคลใด ๆ หรือเพื่อตรวจจับ ป้องกัน หรือแก้ไขปัญหาการทุจริต ความมั่นคง หรือความปลอดภัย

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระหว่างที่ท่านเป็นลูกค้า หรือมีความสัมพันธ์อยู่กับบริษัท หรือตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ และเมื่อท่านสิ้นสุดความสัมพันธ์กับบริษัท บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ต่อไปภายหลังจากนั้นตามระยะเวลาที่จำเป็นตามอายุความ หรือระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดหรืออนุญาตไว้ เช่น จัดเก็บไว้ตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 5 – 10 ปีนับแต่ยุติความสัมพันธ์ตามแต่กรณี จัดเก็บไว้ตามกฎหมาย 10 ปี นับแต่ยุติความสัมพันธ์ เป็นต้น

ท่านสามารถใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎหมายและกระบวนการจัดการสิทธิของบริษัท ดังต่อไปนี้

  1. สิทธิขอเข้าถึงข้อมูลของท่านที่บริษัทเก็บรักษาไว้หรือขอรับสำเนาข้อมูลได้  
  2. สิทธิให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับบริษัทไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่นหรือตัวท่านเอง
  3. สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  4. สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้
  5. สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราว
  6. สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
  7. สิทธิขอถอนความยินยอม  หากท่านได้ให้ความยินยอมให้ธนาคารเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  8. สิทธิร้องเรียน: ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การใช้สิทธิของท่านดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล เพื่อประโยชน์สาธารณะ การใช้สิทธิอาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น

บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จำกัด

99-101 ถนนเจริญกรุง แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

เปิดทำการ จันทร์ – ศุกร์ : เวลา 9.15 – 16.00 น.

Call Center: 02-017-0777

Gold Trading Hotline: 02-017-0770

Fax Center: 02-222-7100

E-Mail: [email protected]

บริษัทอาจทบทวนและเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้เป็นครั้งคราวเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของการให้บริการและการดำเนินงานของบริษัท ข้อเสนอแนะและความคิดเห็นจากท่าน รวมถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยนโยบาย เวอร์ชั่นล่าสุดจะประกาศบนเว็บไซต์ของบริษัทที่ https://www.methong.co/privacy-policy เพื่อให้ท่านทราบแนวทางที่บริษัทใช้ในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

ME THONG ให้ความสำคัญต่อความเป็นส่วนตัว เราจะทำงานอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาความลับ และควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้ปลอดภัย โดยคุณสามารถเลือกความยินยอมแบ่งเป็นหัวข้อต่างๆ ได้ โดยคลิกที่ปุ่ม เลือกตั้งค่านโยบายเพิ่มเติม

ME THONG ให้ความสำคัญต่อความเป็นส่วนตัว เราจะทำงานอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาความลับ และควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้ปลอดภัย โดยคุณสามารถเลือกความยินยอมแบ่งเป็นหัวข้อต่างๆ ได้ โดยคลิกที่ปุ่ม เลือกตั้งค่านโยบายเพิ่มเติม