10 ข้อต้องรู้ !! ถ้าอยากจะซื้อทองเก็บ !?
การซื้อทองเก็บสะสม เป็นการเก็บออมของผู้มีรายได้ประเภทหนึ่ง เช่นเดียวกับการออมเงิน ทองคำเป็นทรัพย์สินมีค่าเทียบเท่าเงินตรา เป็นทรัพย์สินมีค่าถาวรไม่เสื่อมสลายหรือด้อยค่าไปตามกาลเวลา แต่จะเพิ่มมูลค่าสวนทางกับค่าเงินที่อ่อนตัว ความเป็นไปทางเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนแปลงพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น คุณภาพชีวิตของคนก็ดีขึ้น อย่างไรก็ตามภาระค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตก็สูงขึ้นตาม หมายความว่าค่าเงินที่เราเก็บไว้มูลค่าจะลดลงไปตามกาลเวลา ดังนั้น วิธีการออมเงินแม้จะเป็นการออมที่ดี แต่ก็ใช่ว่าจะดีที่สุด เพราะผลตอบแทนเติบโตช้าไม่ทันกับค่าเงินเฟ้อในแต่ละปี ทองคำจึงกลายมาเป็นปัจจัยที่ถูกจับตามองสำหรับเก็บออมแทนการออมเงิน ด้วยเหตุผลดังกล่าว นักออมเงินจำนวนมากหันมาออมทองแทนการออมเงิน
วันนี้มีทอง(METHONG) ขอเสนอ 10 ข้อต้องรู้ถ้าอยากจะลงทุนซื้อเก็บ จะมีข้อไหนบ้างรับชนกันได้เลยค่ะ
1.รู้เหตุผลในการซื้อทองคำ
การเลือกซื้อทองในแต่ละความต้องการให้ประโยชน์ที่แตกต่างกัน หากซื้อได้ตรงตามความต้องการทั้งประเภทและปริมาณ ถูกที่ถูกเวลา จะได้ประโยชน์ที่มากกว่า เช่น ซื้อเพื่อการลงทุนทองคำ จะเป็นกรณีที่นักลงทุนต้องการผลตอบแทนเป็นเงินกำไรจากส่วนต่างของราคาซื้อกับราคาขาย ปัจจัยราคาเป็นสาระสำคัญของนักลงทุน การตัดสินใจเข้าซื้อจะเกิดเมื่อเชื่อว่าแนวโน้มราคาทองในระยะอันใกล้ ระยะกลางหรือระยะยาว กำลังมุ่งไปในทิศทางสูงขึ้น และพร้อมที่จะขายทำกำไรทันทีเมื่อได้ราคาตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่หากซื้อเพื่อการออม นักออมไม่ได้ให้ความสำคัญกับราคามากนัก แต่จะซื้อเก็บตามวันและเวลาที่ระบุในโปรแกรมออมทองได้ตามราคาตลาด
2 . รู้ประเภทของทองคำ
ทองคำที่พบเห็นในตลาดไทย มีด้วยกัน 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ ทองคำแท่งกับทองรูปพรรณ ทองคำแท่ง ลักษณะจะเป็นแท่งขนาดต่าง ๆ ตามบล็อกที่ใช้ผลิต แยกขนาดตามปริมาณน้ำหนัก ได้รับความนิยมซื้อขายเพื่อการลงทุนหรือเพื่อการเก็บออม ซึ่งแตกต่างจากทองรูปพรรณเป็นทองที่แปรรูปออกมาเป็นเครื่องประดับ เช่น สร้อยคอ สร้อยแขน แหวน ต่างหู จี้ และอื่น ๆ ได้รับความนิยมใช้สวมใส่เป็นเครื่องประดับสวยงามและสามารถเก็บออมไปด้วยในตัว
3.รู้มาตราวัดน้ำหนักทองคำ
ประเทศไทยใช้มาตรวัดหน่วยเป็น “บาท” 1 บาท เท่ากับน้ำหนักทองคำ 15.244 กรัม ส่วนทองคำซื้อขายกันในตลาดโลกใช้หน่วยเป็น “ออนซ์” 1 ออนซ์ เท่ากับน้ำหนักทองคำ 31.103 กรัม การแปลงหน่วยวัดที่แตกต่างกัน ใช้วิธีคำนวณตามสัดส่วนและอิงอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน
4.รู้มาตรฐานความบริสุทธิ์ของทองคำ
ประเทศไทยนิยมซื้อขายทองคำความบริสุทธิ์ 96.50% และ 99.99% ทองคำ 96.50% เป็นทองคำมีส่วนผสมเงินและทองแดง เนื้อทองมีความแข็ง เมื่อแปรรูปเป็นเครื่องประดับ ได้ทั้งความสวยงามและความแข็งแรงทนทาน ส่วนของ ทองคำ 99.99% เป็นทองคำค่าความบริสุทธิ์สูงสุดในบรรดาทองคำด้วยกัน ได้รับการยอมรับอย่างเป็นสากล หลายประเทศใช้วางเป็นทุนสำรองเพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินและการออกพันธบัตร
5.รู้ราคาของทองคำ
ราคาซื้อขายกันตามร้านจำหน่ายทองจะอิงราคาสมาคมค้าทอง ราคาที่ซื้อขายกันในตลาดเทรดทอง จะเป็นไปตามกลไกของตลาดระหว่างเปิดการเทรด เป็นไปได้ที่ราคาจะสูงหรือต่ำกว่าราคาสมาคมค้าทอง ขึ้นอยู่กับแรงซื้อขายของตลาดเทรดทองและปัจจัยต่างๆที่ส่งผลกระทบในแต่ละวัน
6.รู้ช่องทางการซื้อขายทองคำ
ร้านจำหน่ายทองคำทุกร้านถือเป็นช่องทางการซื้อขายทองคำ ไม่ว่าจะเป็นทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณสามารถซื้อขาย แลกเปลี่ยนได้กับทุกร้าน แต่มีทองแนะนำว่าควรซื้อและขายกับร้านเดียวกัน เพื่อจะไม่ถูกกดราคามากนัก
7.รู้ปัจจัยทำให้ราคาทองคำขึ้นลง
ทองคำเป็นทรัพย์สินมีค่าเทียบเท่าเงินตรา หากสกุลเงินอ่อนค่านักลงทุนจะย้ายเงินทุนไปซื้อทองคำแทนส่งผลให้ราคาทองคำสูงขึ้น แต่หากสกุลเงินแข็งค่านักลงทุนจะถอนเงินลงทุนในทองคำไปซื้อค่าเงินหรือผลิตภัณฑ์การลงทุนอื่นแทน ก็จะส่งผลให้ราคาทองคำลดต่ำลง อย่างไรก็ตามก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกหลายปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำขึ้นลงได้
8.รู้ค่าธรรมเนียมการซื้อทอง
การซื้อทองจะมีการคิดค่าธรรมเนียมต่างหากจากราคาตามน้ำหนักทอง ซึ่งทองคำแท่งจะเรียกว่าค่าบล็อก ซึ่งมีรายละเอียดราคาแตกต่างกันตามนโยบายบริษัท
9.รู้ช่วงเวลาที่จะซื้อทองคำตอนไหน
การศึกษา หรืออ่านบทวิเคราะห์ราคาทองคำเป็นเรื่องที่นักลงทุน หรือนักออมทองควรจะต้องศึกษาหรือหาอ่านไว้เพื่อเป็นฐานในการพิจารณาว่าช่วงเวลาไหนควรซื้อหรือไม่ควรซื้อ เพราะบทวิเคราะห์จะถูกเขียนและเรียบเรียงจากนักวิเคราะห์สถิติ
10.รู้ว่านานแค่ไหนที่ควรจะเก็บทองไว้
สืบเนื่องมาจากข้อที่ 1 คือการที่เรารู้ว่าเหตุผลของการซื้อทองคืออะไร ถ้าเราต้องการซื้อทองเพื่อการออมระยะยาว ก็สามารถเก็บได้เรื่อยๆตามความต้องการ หรือถ้าเพื่อการลงทุนเทรดก็สามารถซื้อ-ขาย ตามการประเมินของผู้ถือทองได้