ซื้อทองรูปพรรณ นิยมซื้อมาเพื่อเป็นเครื่องประดับ และใช้มอบเป็นของขวัญในโอกาสพิเศษต่าง ๆ เพราะมีการขึ้นรูปที่หลากหลายและรูปแบบที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็น สร้อยคอ, สร้อยข้อมือ, แหวน, กำไลข้อมือ แม้จะไม่นิยมซื้อมาเพื่อการลงทุน แต่ทว่าก็สามารถซื้อเพื่อเก็บสะสมไว้ หรือเก็งกำไรด้วยการซื้อมา-ขายไปเพื่อเพิ่มมูลค่าในช่วงราคาทองขึ้นได้ การซื้อทองรูปพรรณจึงมีความแตกต่างจากการซื้อทองคำแท่ง ที่มักมีวัตถุประสงค์ในการซื้อหลัก ๆ เพื่อการเก็บออม และการลงทุนในระยะยาว
การซื้อทองรูปพรรณ คืออะไร?
การซื้อทองรูปพรรณ คือ การซื้อทองคำที่นำมาขึ้นรูปเป็นรูปแบบต่าง ๆ มักนิยมทำเป็นเครื่องประดับที่สวยงามเพื่อสวมใส่ โดยทองรูปพรรณแต่ละแบบนั้นจะมี “ค่ากำเหน็จ” หรือค่าแรงของช่างทอง ที่ทำการออกแบบจากทองคำแท่งมาเป็นทองรูปพรรณ โดยค่ากำเหน็จจะขึ้นอยู่กับความยากง่ายของทองรูปพรรณแต่ละแบบ โดยทั่วไปจะอยู่ประมาณ 500 – 3,000 บาท ขึ้นอยู่กับแต่ละร้านทองจะตั้งมา โดยสมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาค่ากำเหน็จไว้ที่ขั้นต่ำ 500 บาท ต่อหนึ่งบาททองคำ ซึ่งราคานี้ไม่เป็นการบังคับ ทั้งนี้ กรณีคุณซื้อทองรูปพรรณมาแล้ว และต้องการนำทองกลับไปขาย เราจะได้ราคาขายคืนต่ำกว่าราคาที่ซื้อ เนื่องจากไม่ได้รวมค่ากำเหน็จลงไปด้วย และรวมถึงยังถูกหักค่าน้ำหนักน้ำประสานทองที่เป็นส่วนหนึ่งในการเชื่อมรอยต่อของทองรูปพรรณ
ข้อดีของการซื้อทองรูปพรรณ
• การซื้อทองรูปพรรณมีราคาเริ่มต้นที่จับต้องได้
• สามารถซื้อไว้เพื่อเก็บสะสม และลงทุนได้
• ใช้สวมใส่เป็นเครื่องประดับ เพื่อความสวยงาม เสริมบุคลิกภาพ และแสดงฐานะได้
ข้อเสียของการซื้อทองรูปพรรณ
• การซื้อทองรูปพรรณไม่มีผลตอบแทนอื่น ๆ เช่น ดอกเบี้ย หรือ เงินปันผล
• เสียค่ากำเหน็จในการซื้อ และไม่ได้ค่ากำเหน็จเวลาขาย
• เวลาขายจะถูกหักค่าน้ำหนักประสานทอง ประมาณ 5% ของราคาขาย
• กรณีซื้อมาเพื่อสวมใส่จะเกิดการสึกหรอ ทำให้มูลค่าของทองรูปพรรณลดลงเวลาขาย• เมื่อขายทองรูปพรรณคืนต่างร้านจะโดนกดราคา
รูปแบบของทองรูปพรรณ มีแบบไหนบ้าง?
การซื้อทองรูปพรรณ จะคิดน้ำหนักทองคำมาตรฐานของไทยมีหน่วยน้ำหนักเป็นบาท ใน 1 บาท จะมีน้ำหนักเท่ากับ 15.16 กรัม ในหน่วยสลึง 1 บาท จะมี 4 สลึง โดยรูปแบบของทองรูปพรรณจะแบ่งออกเป็น 6 รูปแบบ ดังนี้
- ทอง 99.99% หรือทอง 24k ถือเป็นทองบริสุทธิ์ที่สุด มีจุดเด่นที่ความนิ่ม และเหนียว มักนิยมนำมาทำเป็นสร้อยคอ
- ทอง 96.5% หรือทอง 23.16k ซึ่งสมัยก่อนนิยมเรียกกันว่า ทองร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือทอง 23k ซึ่งมีความบริสุทธิ์น้อยกว่าทอง 99.99% เล็กน้อย สีของทองจะมีความเหลืองกว่า และมีลักษณะเหลืองด้าน ๆ
- ทอง 90% หรือทอง 20k มักนิยมนำมาใช้ทำจิวเวลรี่ เช่น เข็มกลัด แหวน เพราะเนื้อทองมีความแข็ง สามารถตะไบ หรือฉลุให้มีความเหลี่ยมได้ และคมสวยกว่าทองที่มีความนิ่ม ไม่ค่อยเกิดการบิดเบี้ยว อีกทั้งสีของทอง 90% จะมีความคล้ายคลึงกับทอง 96.5%
- White Gold หรือทองขาว มีส่วนผสมของทอง 75% ผสมกับแพลทินัม ในสัดส่วนที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสูตรนั้น ๆ เพื่อให้ออกมาเป็นทองขาว 18k ซึ่งสามารถนำไปขึ้นรูปขึ้นทรงและทำลวดลายได้หลากหลายรูปแบบ
- ทองคำขาว คือแพลทินัม 100% ซึ่งจะมีความแข็งมาก จึงนิยมนำไปทำแหวนเพชร เพราะตัวหนามเตยที่ใช้เกาะเพชร มีโอกาสหลุดน้อยกว่าวัสดุอื่น จึงทำให้ราคาของแพลทินัมสูงมากเช่นกัน แต่ทว่าการทำลวดลายค่อนข้างจะจำกัด เพราะความแข็ง จึงทำให้ยากต่อการทำลวดลาย
- Pink Gold หรือ Rose Gold เป็นทอง 18k มีลักษณะเหมือนทองขาว โดยปกติส่วนผสมที่นิยมใช้กันใน Pink Gold 18k คือ ทองคำ 75% และทองแดง 25% ซึ่งจุดเด่นที่สำคัญ คือ ความแข็ง สีสันสวยงามจึงนิยมนำมาทำจิวเวลรี่ ถึงแม้จะแข็งแต่ก็ไม่ได้แข็งมากถึงขนาดดัดทรงหรือทำให้เป็นทรงสวยงามไม่ได้ ทั้งนี้ Rose Gold หรือ Pink Gold แตกต่างกันเฉพาะชื่อเท่านั้น แต่นับเป็นทอง 18k ที่มีส่วนผสมของทอง 75% เช่นเดียวกัน แต่อาจแตกต่างกันที่ปริมาณทองแดงที่ผสมมากหรือน้อยเท่านั้น โดยยิ่งใส่ทองแดงมากเท่าไร ก็จะทำให้ทองคำดูมีสีแดงชมพูมากขึ้นเท่านั้น
เลือกซื้อทองรูปพรรณแบบไหนให้เหมาะกับตัวเอง
สำหรับใครที่กำลังอยากซื้อทองรูปพรรณ แต่ยังไม่รู้ หรือลังเลว่าควรเลือกแบบไหนดี วันนี้เรามีทริคดี ๆ ในการเลือกซื้อทองรูปพรรณให้เหมาะกับตนเอง เพราะจะซื้อทองรูปพรรณ ซึ่งเป็นของมีมูลค่าทั้งทีก็ต้องพิจารณาและคิดให้ถี่ถ้วนเสียก่อน เพื่อความคุ้มค่ามากที่สุด
- เลือกซื้อทองรูปพรรณจากน้ำหนักทอง
น้ำหนักทองถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกที่คุณควรพิจารณาเมื่อต้องการซื้อทองรูปพรรณ เนื่องจากร้านทองส่วนใหญ่จะมีป้ายกำกับอยู่ที่ชิ้นทอง หากทางร้านออกใบรับประกันให้จะต้องบันทึกน้ำหนักลงในใบรับประกัน เพื่อความน่าเชื่อถือว่าทางร้านจะไม่สับเปลี่ยนทองที่คุณซื้อเพื่อโกงราคาในกรณีที่คุณซื้อหรือออมทองกับทางร้าน ส่วนมาตราชั่งตวงที่ร้านทองใช้จะมีหน่วยเป็นกรัม โดยมาตรฐานของทองรูปพรรณ 1 บาท จะต้องมีน้ำหนักมากกว่า 15.16 กรัม ทองครึ่งสลึงจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 1.89 กรัม ทอง 1 สลึง จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 3.79 กรัม ทอง 2 สลึง จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 7.58 กรัม และทอง 3 สลึง จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 11.37 กรัม น้ำหนักที่เป็น “กรัม” จะใช้ในการคิดราคาขายและราคารับซื้อคืน ดังนั้นคุณควรให้ทางร้านชั่งน้ำหนักของทองก่อนทำการซื้อขายทุกครั้ง เพื่อเช็คว่าน้ำหนักตรงตามที่ผู้ขายบอกหรือไม่
- เลือกซื้อทองรูปพรรณจากการใช้งาน
เลือกซื้อทองรูปพรรณจากการใช้งานของตนเอง เช่น บางคนต้องการนำไปใส่ในชีวิตประจำวันตลอดทั้งวัน บางคนนำไปเก็บสะสม หรือบางคนชอบใส่เฉพาะเวลาไปออกงาน ดังนั้นควรเลือกลายและขนาดให้เหมาะกับการใช้งาน หากต้องการใส่ในชีวิตประจำวันอาจเหมาะกับลวดลายเรียบ ๆ แต่หากคุณเป็นคนที่ใส่เฉพาะตอนออกงานเท่านั้น หรือใส่บ้างถอดบ้าง ก็ควรเลือกทองรูปพรรณที่สามารถถอดออกได้ง่าย
- เลือกซื้อทองรูปพรรณจากลวดลาย
เลือกซื้อทองรูปพรรณจากลวดลายที่คุณชอบนั้น อย่าลืมว่าต้องคำนึงถึงเรื่องมีความแข็งแรงด้วย เนื่องจากลวดลายทองส่งผลต่อความแข็งแรงของทอง โดยลายสร้อยทองที่เป็นเส้นหนา มีน้ำหนัก เช่น ลาย 4 เสา, ลาย 6 เสา, ลายกระดูกงู, ลายเปีย, ลายซีตรอง จะมีความแข็งแรงทนทานมาก ส่วนลายสร้อยทองที่มีลักษณะโปร่งบาง หรือเป็นห่วงกลมคล้อง มีน้ำหนักเบา เช่น ลายไข่ปลา, ลายโซ่, ลายประคำคั่นโซ่ ลายปล้องอ้อย, ลายทาโร่, ลายฟิชโช่ จะมีความแข็งแรงน้อยกว่า จึงมีโอกาสชำรุดได้ง่าย
- เลือกซื้อทองรูปพรรณจากคุณภาพ
ก่อนตัดสินใจซื้อทองรูปพรรณ ควรตรวจสอบตำหนิและรอยชำรุดของทอง ว่ามีจุดไหนที่ชำรุด มีรอยถลอก ลายบิดเบี้ยว หรือผิดแปลกไปมากน้อยแค่ไหน ก่อนจะทำการชำระเงินทุกครั้ง เพื่อให้คุณซื้อทองรูปพรรณที่มีสภาพสมบูรณ์มากที่สุด
- เลือกซื้อทองรูปพรรณจากค่ากำเหน็จ
เมื่อต้องการซื้อทองรูปพรรณ อย่าลืมสอบถามข้อมูลกับทางร้านทองเกี่ยวกับค่ากำเหน็จ หรือค่าผลิตทองคำรูปพรรณเป็นลวดลายต่าง ๆ และค่าการตลาดของผู้ประกอบธุรกิจร้านทองเสียก่อน ทั้งนี้หากคุณซื้อทองคำที่มีมูลค่าสูงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีค่ากำเหน็จต่ำลง ทำให้หาคนซื้อต่อยาก แบ่งขายลำบาก และมีโอกาสเจอทองปลอมอีกด้วย นอกจากนี้ยังต้องเสียค่าตรวจสอบทองด้วย
- เลือกซื้อทองรูปพรรณจากราคาซื้อ-ขายอ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ
ราคาซื้อทองรูปพรรณตามร้านทองทั่วไปจะอิงราคาซื้อขายตามสมาคมค้าทองคำ ซึ่งเป็นสมาคมที่กำหนดค่ามาตรฐานของราคาซื้อขายทองในปัจจุบัน เพื่อป้องกันความเหลื่อมล้ำในการประกอบการค้าทอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคาทอง ค่ากำเหน็จ การกำหนดเวลาเปิด-ปิดร้าน และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทอง ทางที่ดีคุณควรสอบถามราคาทองเก่าที่ต้องการจะซื้อหรือขายจากร้านทองหลาย ๆ ร้าน เพื่อให้ได้ราคาที่เป็นมาตรฐานมากที่สุด โดยคุณสามารถเช็คราคาทองในแต่ละวันจากเว็บไซต์ของ สมาคมค้าทองคำ ได้โดยตรง หรือจะเช็คผ่านทางเว็บไซต์ มีทอง ME THONG ก็ได้
- เลือกซื้อทองรูปพรรณจากร้านทองที่ได้มาตรฐาน
สำหรับใครที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับทองมาก่อน แต่ต้องการซื้อทองรูปพรรณ แนะนำให้เลือกร้านทองที่มีชื่อเสียง มีประสบการณ์การขายยาวนาน เนื่องจากร้านเหล่านี้จะมีหน้าร้านชัดเจนและมีใบอนุญาตซื้อ-ขายถูกต้องตามกฎหมาย เพิ่มความอุ่นใจในการซื้อขายมากขึ้น เช็คความน่าเชื่อถือของร้าน โดยเบื้องต้นพิจารณาได้จากเว็บไซต์ ช่องทางการติดต่อ และ Social Media ว่ามีความน่าเชื่อถือหรือไม่
เพราะร้านทองส่วนใหญ่จะมีช่องทางการติดต่อหลากหลายเพื่อรองรับลูกค้าที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้อาจหารีวิวของร้านทองที่สนใจตามเว็บบอร์ดเกี่ยวกับทองเพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการพิจารณาเพิ่มเติม
ที่สำคัญอย่าลืมตรวจสอบระบบทางการชำระเงินว่าตรงกับชื่อร้าน หรือบริษัทที่เกี่ยวข้องหรือไม่ หากต้องการไปซื้อทองที่ร้าน หน้าร้านทองจะต้องระบุราคาทองในแต่ละวันอย่างชัดเจน ทั้งทองรูปพรรณและทองคำแท่ง มีป้ายระบุชัดเจนว่าเป็นสินค้าประเภทใดและน้ำหนักเท่าไร เนื้อทองมีสลักชื่อร้านที่ตัวเครื่องประดับอย่างชัดเจน รวมไปถึงเนื้อทองมีสลักเลขเปอร์เซ็นต์ที่ตัวเครื่องประดับอย่างชัดเจน เช่น 99.99
อย่างไรก็ตาม หากใครไม่สะดวกไปซื้อทองรูปพรรณที่หน้าร้าน ก็สามารถช้อปปิ้งทองคำออนไลน์กันได้ ด้วยการเลือกร้านทองออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ และมีหน้าร้านอยู่จริง อย่างเช่น “ร้านทองมี ThongMe” ร้านทองออนไลน์ ในเครือของ SCT GOLD โดยมีหน้าร้านตั้งอยู่ที่ 99-101 ถนน เจริญกรุง แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 เบอร์โทร 02 018 9777 เชื่อถือได้จากยอดผู้ติดตามและการกดไลก์ Facebook Page กว่า 6 หมื่นคน โดยร้านทองมีจำหน่ายทั้งทองรูปพรรณ ทองคำแท่งออนไลน์แบบ 100% เน้นการขายทองรูปพรรณ รับซื้อทองเก่า ออมทอง ผ่อนทอง และซื้อขายทองคำแท่งออนไลน์ทางแอปฯ trade plus
การันตีความน่าเชื่อถือ ด้วยมาตรฐานของร้านทองมีที่เป็นสมาชิกของ “สมาคมค้าทองคำแห่งประเทศไทย” และเพิ่มความเชื่อมั่นให้ลูกค้าด้วยการได้รับรอง เปอร์เซ็นต์ทอง จากสถาบันตรวจอัญมณีแห่งประเทศไทย (GIT) นอกจากนี้ร้านทองมียังเป็นผู้นำเข้าทองคำ 99.99% มาตรฐานทองคำโลก LBMA อีกด้วย เพิ่มความอุ่นใจเมื่อสั่งทองออนไลน์กับร้านทองมี เพราะ ฟรี! ประกันขนส่ง มูลค่า 50,000 บาท อีกทั้งหากต้องการขายทองคืนกับร้านทองมี ไม่โดนกดราคา โดยให้ราคาหักไม่เกิน 5% ตามเกณฑ์มาตรฐาน สคบ.
สรุป
ถึงแม้การซื้อทองคำรูปพรรณ จะไม่ได้เป็นทางเลือกในการลงทุนในตลาดทองคำโลก รวมถึงไม่นิยมในการเก็บรักษาตามมูลค่า เพราะมีโอกาสที่มูลค่าจะหายไปตามน้ำหนักทองมีสูงกว่าทองคำแท่ง แต่ทองรูปพรรณก็ยังคงเป็นที่นิยมอยู่ โดยเน้นไปในเรื่องความสวยงาม และการใช้งานเป็นเครื่องประดับเป็นหลัก ซึ่งในการเลือกซื้อทองรูปพรรณ เหนือสิ่งอื่นใดควรเริ่มพิจารณาจากตนเอง
เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการกำหนดวัตถุประสงค์ในการซื้อ และงบประมาณที่รับไหว โดยจะต้องพิจารณาทั้งน้ำหนักทอง การใช้งาน ลวดลายที่ชอบ คุณภาพของทอง ค่ากำเหน็จ ราคาซื้อ-ขาย และเลือกซื้อทองรูปพรรณจากร้านทองที่ได้มาตรฐาน ไม่ว่าจะซื้อที่หน้าร้านหรือออนไลน์ก็ตาม เพื่อให้ได้มาซึ่งทองรูปพรรณที่เหมาะกับตนเองมากที่สุด